[บทความ] Intel เปิดตัวชิป Bay Trail Quad-core รันได้ทั้ง Android + Windows 8.1 รองรับ 2560 x 1600
จะเห็นได้ว่าช่วงนี้หลายๆค่ายเริ่มเปิดตัวแท็บเล็ตและเครื่อง 2-in-1 ที่ใช้ชิป Intel Bay Trail กันมากขึ้นทั้ง Toshiba Encore และ ASUS Transformer Book T100 ที่เพิ่งจะเปิดตัวเมื่อเช้านี้ แต่เรายังไม่รู้ว่าชิป Intel Bay Trail ดีกว่าเดิมอย่างไรบ้าง ซึ่งในบทความนี้จะลงรายละเอียดให้ได้ทราบกันครับ
เครื่อง 2-in-1 คือเครื่องที่เป็นได้ทั้งแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊ค ตัวอย่าง
- แบบถอดจอแยกหรือรวมร่างกับคีย์บอร์ดได้ ASUS Transformer, Acer Iconia W510 เป็นต้น
- แบบหมุนหน้าจอได้ Lenovo Yoga, Sony VAIO Flip PC เป็นต้น
จุดเด่นของชิป Intel Bay Trail
- มีทั้งรุ่นซีพียู Quad-core และ Dual-core
- ประสิทธิภาพซีพียูดีกว่ารุ่นเก่า 2 เท่า ด้านภาพจีพียูดีกว่าเดิม 3 เท่า
- รันได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ Windows 8.1 ในเครื่องเดียว
- สามารถแสดงผลที่ความละเอียดสูงสุด 2560 x 1600
Bay Trail เน้นระยะเวลาใช้งานและราคาถูก Haswell เน้นประสิทธิภาพ
เราจะเห็นว่าในปัจจุบันมีแท็บเล็ต และ เครื่อง 2-in-1 แท็บเล็ต + โน้ตบุ๊ค ที่ใช้ชิป Haswell 4th Gen ด้วย ซึ่งมันก็มีข้อแตกต่างกันระหว่างชิปทั้งสองรุ่น
- Bay Trail
- สำหรับตลาดระดับล่างราคาถูก
- ตัวเครื่องมีราคาประมาณ $199 - $599 หรือ 6,3xx - 19,xxx บาท
- เน้นระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน
- ตัวอย่าง Toshiba Encore, ASUS Transformer Book T100
- Haswell
- สำหรับตลาดระดับบนราคาสูงขึ้นมาหน่อย
- ตัวเครื่องมีราคาประมาณ $599 - $999 หรือ 19,xxx - 31,xxx บาท
- เน้นประสิทธิภาพเป็นหลัก
- ตัวอย่าง Sony VAIO Tap 11
Bay Trail รันได้ทั้ง Windows 8.1 และ Android
ถือเป็นชิปรุ่นแรกที่รันได้ทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการ ผู้ผลิตสามารถทำแท็บเล็ตราคาถูกที่รันได้ทั้ง Windows และ Android ในเครื่องเดียวกัน
ประสิทธิภาพของ Bay Trail (ใช้งาน Photoshop ได้)
Intel บอกว่า Bay Trail จะมีประสิทธิภาพซีพียูที่ดีกว่ารุ่นก่อน 2 เท่า และการประมวลผลด้านภาพหรือจีพียูดีกว่า 3 เท่า (รองรับ DirectX 11, OpenGL ES 3.0) อย่างไรก็ตามถึงจะแรงกว่าเดิมแต่ก็ยังไม่เท่ากับ Haswell อยู่ดี
แล้วมันดีกว่าเดิมขนาดไหน ?
ในงานมีการแสดงประสิทธิภาพให้ดูด้วย ซึ่งทางเว็บ The Verge บอกว่า
- บน Windows สามารถรัน Adobe Photoshop เวอร์ชั่นที่ใช้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้, เล่นเกม Team Fortress 2 ได้ และเปิดวีดีโอ 4K แบบไม่มีอาการกระตุกใดๆ
- บน Android เปิด Grand Theft Auto III ที่ความละเอียด 2560 x 1440 พร้อมปรับค่าสูงสุดสามารถรันได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด (The Verge บอกลื่นกว่า NVIDIA Shield ที่ใช้ชิป Tegra 4)
ผลทดสอบประสิทธิภาพระหว่างชิป Intel Bay Trail, NVIDIA Tegra 4 และ Snapdragon 800
ประสิทธิภาพเมื่อรันบน Windows 8.1
ดูผลทดสอบฉบับเต็มได้ที่เว็บ Anandtech
ประสิทธิภาพเมื่อรันบน Android 4.2.2
ดูผลทดสอบฉบับเต็มได้ที่เว็บ Anandtech
Bay Trail แสดงผลที่ความละเอียด 2560 x 1600
เครื่องใช้ชิป Atom ในรุ่นก่อนหน้าจะมีความละเอียดแค่ 1366 x 768 เท่านั้น แต่สำหรับชิป Intel Bay Trail รุ่นใหม่จะสามารถแสดงผลความละเอียดได้สูงสุดถึง 2560 x 1600 โดยทาง Intel คาดว่าจะมีแท็บเล็ตหน้าจอความละเอียด 1920 x 1200 ออกวางขายเร็วๆนี้
Bay Trail กับความสามารถด้านกล้อง
- บันทึกวีดีโอ 1080p ที่ 60fps
- Digital Video Stabilization - ระบบกันสั่น
- Burst mode - ถ่ายภาพต่อเนื่อง
- Zero Shutter Lag - ชัดเตอร์ทำงานทันทีไม่มีหน่วง
- Low light noise reduction - ลด noise
- รองรับกล้องหน้าหลังความละเอียดสูง 8 - 13 ล้านพิกเซล
อันนี้ขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์และตัวกล้องด้วยนะครับ
Bay Trail มีทั้งรุ่นซีพียู Quad-core และ Dual-core
Intel Bay Trail จะมีรหัสขึ้นต้นด้วย Z3xxx แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
- Intel Atom Z37xx ซีพียู Quad-core รัน Windows และ Android
- Intel Atom Z36xx ซีพียู Dual-core รัน Android อย่างเดียว
ระยะเวลาการใช้งานของเครื่องที่ใช้ชิป Bay Trail
อย่างที่ทราบว่า Bay Trail จะมีซีพียู Quad-core ประสิทธิภาพโดยรวมก็เพิ่มขึ้น แต่ทว่าในด้านระยะเวลาการใช้งานล่ะจะเป็นอย่างไร ?
ถ้าดูจากสไลด์ของ Intel เขียนเอาไว้ว่าเล่นวีดีโอต่อเนื่องได้มากกว่า 8 ชั่วโมง ส่วนของจริงทางเว็บ Anandtech ได้มีการทดสอบแล้วบอกว่าการจัดการพลังงานทำได้ดีมาก ในช่วงเวลาที่ใช้งานหนักซีพียูจะกินไฟประมาณ 1 - 2.5 วัตต์ เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับชิปรุ่นอื่นที่ใช้ในอุปกรณ์พกพาทั่วไป
เหตุที่ระยะเวลาการใช้งานไม่ลดลง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากสถาปัตยกรรมใหม่ Silvermont 22nm ที่ใช้ในการผลิตชิป Bay Trail ซึ่งทาง Intel อ้างว่าช่วยลดการใช้พลังงานลงได้ถึง 5 เท่า
ทิ้งท้าย
ดูจากสไลด์และเว็บนอกทั้ง The Verge และ AnandTech จะเห็นได้ว่า Bay Trail มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่ารุ่นเก่า (รัน Photoshop ได้ด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าดีแค่ไหน) ขณะที่ราคาและระยะเวลาการใช้งานไม่ต่างจากเดิมมากนัก และในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้าเราคงจะได้เห็นแท็บเล็ตและเครื่อง 2-in-1 ออกวางขายกันมากขึ้น สำหรับราคาถ้าดูจากข่าวเปิดตัวเมืองนอกจะอยู่ที่ $329 - $399 หรือ 10,xxx - 12,xxx บาท ซึ่งถ้าเข้าไทยผมเดาว่าคงไม่หนีไปจากเดิมมากนักอาจอยู่ราวๆ 12,xxx - 16,xxx บาทก็เป็นได้